นายวีรพงศ์ ไชยเพิ่ม ผู้ว่าการ การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.)เปิดเผยว่า คาดการณ์ยอดขายพื้นที่นิคมฯ ปีงบประมาณ 2558(ตุลาคม2557-กันยายน2558) มีแนวโน้มต่ำกว่า 2,500 ไร่ จากต้นปีงบฯ 2558 ตั้งเป้ายอดขายพื้นที่นิคมฯไว้ที่ 4,000 ไร่ ใกล้เคียงกับปีงบฯ 2557 และช่วงกลางปีได้ปรับลดเหลือ 3,000 ไร่ เนื่องจากขณะนี้ยอดขายพื้นที่ 9 เดือนนับตามปีงบฯตั้งแต่ตุลาคม 2557 –มิถุนายน 2558) อยู่ที่ 1,865 ไร่ เฉลี่ยเดือนละ 207 ไร่
ขณะที่ 3 เดือนสุดท้ายของปีงบฯ 2558 หรือตั้งแต่กรกฎาคม – กันยายน 2558 คาดว่าจะขายพื้นที่ใกล้เคียงกับเดือนที่ผ่านมามาเช่นกัน เนื่องจากสถานการณ์ความเชื่อมั่นของนักลงทุนยังไม่มีทิศทางดีขึ้น เป็นผลจากเศรษฐกิจโลกชะลอตัว
“เวลานี้ภาพรวมการลงทุนในนิคมอุตสาหกรรม ยังมีนักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติให้ความสนใจที่จะเข้ามาลงทุนในประเทศไทยอยู่บ้าง บางส่วนอยู่ระหว่างการตัดสินใจในการลงทุน เป็นผลจากเศรษฐกิจโลกยังชะลอตัว ส่วนเหตุการณ์ระเบิดที่ราชประสงค์ เชื่อว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจในการลงทุน น่าจะกระทบในส่วนของการท่องเที่ยวมากกว่า” นายวีรพงศ์กล่าว
สำหรับนักลงทุนส่วนใหญ่ที่สนใจในการซื้อพื้นที่ ยังเป็นกลุ่มทุนในภูมิภาคเอเชีย อาทิ ญี่ปุ่น จีน สิงคโปร์ และมีกลุ่มทุนจากทวีปยุโรป และสหรัฐอเมริกาด้วย โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่ได้รับความสนใจ ยังเป็นกลุ่มอุตฯ ชิ้นส่วนยานยนต์ เครื่องจักร เครื่องใช้ไฟฟ้า ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ อาหารและเครื่องดื่ม
นายวีรพงศ์กล่าวถึงการปรับทีมเศรษฐกิจใหม่ ของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ว่า หลังจากนี้เชื่อว่าจะส่งผลให้ยอดขายพื้นที่นิคมฯ ปรับตัวดีขึ้น เนื่องจากแนวนโยบายเป็นไปทิศทางเดียวกัน คือ เน้นการตั้งคลัสเตอร์อุตสาหกรรมต่างๆ โดยนางอรรชกา สีบุญเรือง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมคนใหม่ ที่ผ่านมาดำรงตำแหน่งเป็นประธานคณะกรรมการกนอ. อยุ่แล้ว จึงเชื่อว่าจะดำเนินนโยบายต่อเนื่องแน่นอน
นายวัลลภ วิตนากร รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ขณะนี้การลงทุนของประเทศค่อนข้างน้อย เนื่องจากสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่มีผลต่อการส่งออก ทำให้ผู้ประกอบการส่งออกไม่กล้าลงทุนใหม่หรือขยายลงทุนจากเดิมมากนัก ขณะที่การบริโภคในประเทศก็ชะลอตัว ประกอบกับมีสถานการณ์ความวุ่นวายเกิดขึ้น ดังนั้นอยากให้ทีมเศรษฐกิจชุดใหม่เข้ามาดูแลและแก้ปัญหาส่วนนี้ เพื่อให้บรรยากาศการลงทุนดีขึ้น และอยากให้มีความชัดเจนเกี่ยวกับนโยบายการพัฒนาพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ ทั้งระยะ 1 และ2 เพราะเรื่องนี้นายกรัฐมนตรีเร่งรัดสนับสนุนให้เอกชนเข้าลงทุนอย่างมาก จึงอยากทราบว่าจะมีนโยบายเรื่องนี้อย่างไร
นอกจากนี้อยากให้เร่งรัดการปรับสัดส่วนการรับประกันความเสียหาย กรณีเกิดหนี้เสียในโครงการปล่อยสินเชื่อผ่านการค้ำประกันของบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.)ที่ปล่อยให้เอสเอ็มอีจากเดิมที่ 18% ขึ้นเป็น 30 % ให้เป็นรูปธรรม เพราะที่ผ่านมาคณะรัฐมนตรี(ครม.)เห็นชอบในหลักการแล้วแต่กระทรวงการคลังในฐานะผู้ดำเนินการยังไม่มีความคืบหน้า เอกชนอยากทราบว่าติดขัดเรื่องใด
